มีมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งมีพระนามว่า
พระไชยสุริยา
ครองเมืองสาวัตถีมีมเหสีทรงพระนามว่า
พระนางสุมาลี
พระไชยสุริยาครองบ้านเมืองมาด้วยความผาสุกบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขอุดมสมบูรณ์ ขุนนางทั้งหลายอยู่ในศีลธรรม พ่อค้า
ชาวเมือง ชาวไร่ ชาวนา
มีความสุขกันถ้วนหน้า
ต่อมาได้เกิดเหตุอาเพศถึงคราวบ้านเมืองต้องพินาศ ล่มจม
เพราะพวกข้าราชการ เสนาอำมาตย์ขาดศีลธรรมไม่ประพฤติตนตามทำนองคลองธรรม มัวเมา
ลุ่มหลงในอิสตรี (ผู้หญิง)
และความโลภไม่นับถือศาสนา ใฝ่ใจในไสยศาสตร์
ถืออำนาจไม่มีความเมตตา
พวกตุลาการก็รับสินบนไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเอง ไม่ยุติธรรม
ดูถูก
ดูหมิ่นผู้ที่ยึดมั่นในศาสนา
พระสงฆ์ก็มีพฤติกรรมผิดแบบแผน
ไม่สนใจธรรมะ ไม่ปฏิบัติกิจของสงฆ์
และถือดี ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ ทำให้ในช่วงเวลานั้น เมืองสาวัตถีมีสภาพสังคมที่เลวร้ายเพราะไม่มีความเมตตาปราณีต่อกัน
ผู้มีอำนาจมากกว่าจะข่มเหงรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า ต่างประพฤติตนไม่ถูกต้องตามทำนอง คลองธรรม
ไม่ยึดถือประเพณีเห็นแก่ตัว
หาเอาเข้าพกเข้าห่อของตนเอง
พวกข้าเฝ้าเหล่าเสนา ก็ไม่ควบคุม ข้าทาสของตัว
ซ้ำตัวขุนนางเองก็ไม่ซื่อสัตย์เหมือนดังถ้อยคำที่ได้สาบานไว้ในพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา
เมื่อบ้านเมืองมีศีลธรรมเสื่อมโทรม
จึงเกิดอาเพศ
มีผีป่าเข้ามาย่ำยีในเมือง
ทำให้ผู้คนล้มตายไปเป็นอันมาก
น้ำป่าก็ไหลเข้าท่วมบ้านเมือง
ทำให้ประชาชนไม่มีที่อยู่อาศัย ต่างหลบหนีลี้ภัยออกจากเมืองจนหมด ทิ้งให้เมืองสาวัตถีเป็นเมืองร้าง
พระไชยสุริยาและพระมเหสีสุมาลีพร้อมด้วยเหล่านางกำนัลเสด็จหนีลงเรือสำเภาทิ้งบ้านเมืองออกสู่ทะเล แต่ไปถูกพายุใหญ่พัดสำเภาแตก พระไชยสุริยาพา มเหสีพยายามว่ายน้ำไปขึ้นฝั่ง เดินทางซัดเซพเนจรไปในป่า ประสบความทุกข์ยากลำบาก ค่ำที่ไหนนอนที่นั่น ใช้แผ่นดินเป็นที่นอน ไม้ขอนเป็นหมอนและมีเผือกมันเป็นอาหาร
พระไชยสุริยาและพระนางสุมาลีมเหสีต้องรอนแรมอยู่ในป่าเป็นเวลานาน จนกระทั่งได้พบกับพระดาบส ซึ่งได้ชี้สาเหตุแห่งความวิบัติของบ้านเมืองว่าเป็นเพราะ
“กาลกิณีสี่ประการ” คือ
ประกอบชอบเป็นผิด
กลับจริตผิดโบราณ
สามัญอันธพาล
ผลาญคนซื่อถือสัตย์ธรรม์
ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่รู้คุณพ่อมัน
ส่อเสียดเบียดเบียนกัน ลอบฆ่าฟันคือตัณหา
โลภลาภบาปบ่คิด
โจทย์ผิดริษยา
อุระพสุธา
ป่วนเป็นบ้าฟ้าบดบัง
บรรดาสามัญสัตย์
เกิดวิบัติปัตติปาปัง
ไตรยุคทุกขตะรัง สังวัจฉระอวสาน
ด้วยความเมตตาพระไชยสุริยาซึ่งเป็นผู้ซื่อสัตย์ตรงแต่ได้รับความวิบัติเพราะหลงเชื่อขุนนางชั่วพระฤาษีจึงได้เทศนาโปรดกษัตริย์ทั้งสองพระองค์ว่า “ คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย เพราะฉะนั้นอย่าเบียดเบียน ฉ้อโกงผู้อื่น
บาปจะทำให้ได้รับความทุกข์
หากมีเมตตากรุณาจะได้ไปสวรรค์ ซึ่งเป็นความสุขที่ยั่งยืน
เมื่อพระไชยสุริยาและพระนางสุมาลีได้ฟังคำสั่งสอนของพระดาบสแล้ว ทรงเลื่อมใส
ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง
จึงบวชเป็นฤาษี
แล้วทรงปฏิบัติธรรม ถือศีลภาวนา ทำพิธีบูชาไฟ
ครั้นวายชนม์จึงได้เสด็จไปสู่สวรรค์
มีชีวิตที่มีความสุขตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น