นิราศพระบาท


๏ ถึงเกาะเกิดเกิดเกาะขึ้นกลางน้ำเหมือนเกิดกรรมเกิดราชการหลวง
จึงเกิดโศกขัดขวางขึ้นกลางทรวงจะตักตวงไว้ก็เติบกว่าเกาะดิน
รำพึงพายตามสายกระแสเชี่ยวยิ่งแสนเปลี่ยวเปล่าในฤทัยถวิล
สักครู่หนึ่งก็มาถึงบางเกาะอินกระแสสินธุ์สายชลเป็นวนวัง
อันเท็จจริงสิ่งนี้ไม่รู้แน่ได้ยินแต่ยุบลแต่หนหลัง
ว่าที่เกาะบางอออินเป็นถิ่นวังกษัตริย์ครั้งครองศรีอยุธยา
พาสนมออกมาชมคณานกก็เรื้อรกรั้งร้างเป็นทางป่า
อันคำแจ้งกับเราแกล้งสังเกตตาก็เห็นน่าที่จะแน่กระแสความ
แต่เดี๋ยวนี้มีไม้ก็ตายโกร๋นทั้งเกิดโจรจระเข้ให้คนขาม
โอ้ฉะนี้แก้วพี่เจ้ามาตามจะวอนถามย่านน้ำพี่ร่ำไปฯ
๏ ถึงเกาะพระที่ระยะสำเภาล่มเภตราจมอยู่ในแควกระแสไหล
ถึงเกาะเรียนโอ้เรียมยิ่งเกรียมใจที่เพื่อนไปเขาก็โจษกันกลางเรือ
ว่าคุ้งหน้าท่าเสือข้ามกระแสพี่แลแลหาเสือไม่เห็นเสือ
ถ้ามีจริงก็จะวิ่งลงจากเรืออุทิศเนื้อให้เป็นภักษ์พยัคฆา
ไม่เคยตายเขาบ่ายนาวาล่องเข้าในคลองตะเคียนให้โหยหา
ระยะย่านบ้านช่องในคลองมาล้วนภาษาพวกแขกตะนีอึง
ดูหน้าตาก็ไม่น่าจะชมชื่นพี่แข็งขืนอารมณ์ทำก้มขึง
ที่เพื่อนเราร้องหยอกมันออกอึงจนเรือถึงปากช่องคลองตะเคียนฯ
๏ เห็นวัดวาอารามตามตลิ่งออกแจ้งจริงเหลือจะจำในคำเขียน
พระเจดีย์ดูกลาดดาษเดียรการเปรียญโบสถ์กุฏิ์ชำรุดพัง
ถึงวัดธารมาใหม่ใจระย่อของพระหน่อสุริย์วงศ์พระวังหลัง
อุตส่าห์ทรงศรัทธามาประทังอารามรั้งหรือมางามอร่ามทอง
สังเวชวัดธารมาที่อาศัยถึงสร้างใหม่ชื่อยังธาระมาหมอง
เหมือนทุกข์พี่ถึงจะมีจินดาครองมงกุฎทองสร้อยสะอิ้งมาใส่กาย
อันตัวงามยามนี้ก็ตรอมอกแสนวิตกมาตามแควกระแสสาย
ถึงคลองสระปทุมานาวารายน่าใจหายเห็นศรีอยุธยา
ทั้งวังหลวงวังหลังก็รั้งรกเห็นนกหกซ้อแซ้บนพฤกษา
ดูปราสาทราชวังเป็นรังกาดังป่าช้าพงชัฏสงัดคนฯ
๏ อนิจจาธานินสิ้นกษัตริย์เหงาสงัดเงียบไปดังไพรสณฑ์
แม้กรุงยังพรั่งพร้อมประชาชนจะสับสนแซ่เสียงทั้งเวียงวัง
มโหรีปี่กลองจะก้องกึกจะโครมครึกเซ็งแซ่ด้วยแตรสังข์
ดูพาราน่าคิดอนิจจังยังได้ฟังแต่เสียงสกุณา
ทั้งสองฝั่งแฝกแขมแอร่มรกชะตาตกสูญสิ้นพระชันษา
แต่ปู่ย่ายายเราท่านเล่ามาเมื่อแรกศรีอยุธยายังเจริญ
กษัตริย์สืบสุริย์วงศ์ดำรงโลกระงับโศกสุขสุดจะสรรเสริญ
เราเห็นยับยังแต่รอยก็พลอยเพลินเสียดายเกิดมาเมื่อเกินน่าน้อยใจ
กำแพงรอบขอบคูก็ดูลึกไม่น่าศึกอ้ายพม่าจะมาได้
ยังให้มันข้ามเข้าเอาเวียงชัยโอ้อย่างไรเหมือนบุรีไม่มีชาย
หรือธานินสิ้นเกณฑ์จึงเกิดยุคไพรีรุกรบได้ดังใจหมาย
เหมือนทุกวันแล้วไม่คัณนาตายให้ใจหายหวั่นหวั่นถึงจันทร์ดวงฯ
๏ พี่ดูใจค่ายนอกออกหนักแน่นดังเขตแคว้นคูขอบนครหลวง
ไม่เห็นจริงใจนางในกลางทรวงชายทะลวงเข้ามาบ้างจะอย่างไร
ขอเทเวศร์เขตสวรรค์ชั้นดุสิตดลใจมิตรอย่าให้เหมือนกับกรุงใหญ่
ให้เหมือนกรุงเราทุกวันไม่พรั่นใครนั่นแลใจเห็นจะครองกับน้องนานฯ
๏ สุริยนเย็นสนธยาย่ำประทับลำเรือเรียงเคียงขนาน
เขาเรียกวัดแม่นางปลื้มลืมรำคาญใครขนานชื่อหนอได้ต่อมา
ช่างแปลงโศกให้เราปลื้มพอลืมรักจะรู้จักคุณจริงไม่แกล้งว่า
พลพายนายไพร่บรรดามาหุงข้าวหาฟืนใส่ก่อไฟฮือ
พี่ตันอกตกยากจากสถานเห็นอาหารหวนทอดใจใหญ่หือ
ค่อยขืนเคี้ยวข้าวคำสักกำมือพอกลืนครือคอแค้นดังขวากคม
จะเจือน้ำซ้ำแสบในทรวงเสียวมีเค็มเปรี้ยวกล้ำกลืนก็ขื่นขม
กินประทับแต่พอรับกับโรคลมครั้นค่ำพรมน้ำค้างอยู่พร่างพราย
ก็แรมรอนนอนวัดแม่นางปลื้มพี่ไม่ลืมอาลัยให้ใจหาย
ทั้งไพร่นายนอนกลาดบนหาดทรายพงศ์นารายณ์นรินทร์วงศ์ที่ทรงญาณ
บรรทมเรือพระที่นั่งบังวิสูตรเขารวบรูดรอบดีทั้งสี่ด้าน
ครั้นรุ่งเช้าราวโมงหนึ่งนานนานจัดแจงม่านให้เคลื่อนนาวาคลาฯ
๏ เข้าลำคลองหัวรอตอระดะดูเกะกะรอร้างทางพม่า
เห็นรอหักเหมือนหนึ่งรักพี่รอราแต่รอท่ารั้งทุกข์มาตามทาง
พอเลี้ยวแหลมถึงท่าศาลาเกวียนตลิ่งเตียนแลโล่งดังคนถาง
พี่ตั้งตาหาเกวียนสองข้างทางหมายจะจ้างบรรทุกไปท่าเรือ
แต่ทุกข์รักก็เห็นหนักถนัดอกถึงสักหกเจ็ดเกวียนก็เจียนเหลือ
แต่โศกรักมาจนหนักในลำเรือเฝ้าเติมเจือไปทุกคุ้งรำคาญครันฯ
๏ ถึงบ่อโพงถ้ามีโพงจะผาสุกจะโพงทุกข์เสียให้สิ้นที่โศกศัลย์
นี่แลแลก็เห็นแต่ตลิ่งชันถึงปากจั่นตละเตือนให้ตรอมใจ
โอ้นามน้องหรือมาพ้องกับชื่อบ้านลืมรำคาญแล้วมานึกรำลึกได้
ถึงบางระกำโอ้กรรมระยำใจเคราะห์กระไรจึงมาร้ายไม่วายเลย
ระกำกายมาถึงท้ายระกำบ้านระกำย่านนี่ก็ยาวนะอกเอ๋ย
โอ้คนผู้เขาช่างอยู่อย่างไรเลยหรืออยู่เคยความระกำทุกค่ำคืนฯ
๏ ถึงคุ้งแคว้นแดนพระนครหลวงยิ่งโศกทรวงเสียใจให้สะอื้น
โอ้อกเอ๋ยยังจะไปอีกหลายคืนกว่าจะชื่นแทบช้ำระกำกาย
ถึงแม่ลาเมื่อเรามาก็ลาแม่แม่จะแลแลหาไม่เห็นหาย
จะถามข่าวเช้าเย็นไม่เว้นวายแต่เจ้าสายสุดใจมิได้มา
ถึงอรัญญิกยามแดดแผดพยับเสโทซับซาบโทรมทั้งนาสา
ถึงตะเคียนด้วนด่วนรีบนาวามาถึงศาลาลอยแลลิงโลดใจ
เงื้อมตลิ่งงิ้วงามตระหง่านยอดระกะกอดเกะกะกิ่งไสว
พยุยวบกิ่งเยือกเขยื้อนใบถึงวังตะไลเห็นบ้านละลานแล
ถึงบ้านขวางที่ทางนาวาจอดเรือตลอดแลหลามตามกระแส
ถึงท่าเรือเรือยัดกันอัดแอดูจอแจจอดริมตลิ่งชุม
ที่หน้าท่ารารับประทับหยุดอุตลุดขนของขึ้นกองสุม
เสบียงใครใครนั่งระวังคุมพร้อมชุมนุมแน่นหน้าศาลารีฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อสุริย์วงศ์ทรงสิกขาขึ้นศาลาโสรจสรงวารีศรี
ข้างพวกเราเฮฮาลงวารีแต่โดยดีใจตนด้วยพ้นพาย
อุระเรียมเกรียมตรมอารมณ์ร้อนระอาอ่านอกใจมิใคร่หาย
แลตลิ่งวิงหน้านัยน์ตาพรายหัวไหล่ตายตึงยอกตลอดตัว
ได้พึ่งเพื่อนเหมือนญาติเมื่อยามเข็ญเขานวดเคล้นให้บ้างก็ยังชั่ว
พระอาทิตย์มืดมิดเข้าเมฆมัวฟ้าสลัวแดดดับพยับไพร
กองคเชนทร์เกณฑ์ช้างยี่สิบเชือกมาจัดเลือกกองหมอขึ้นคอไส
ที่เดินดีขี่กูบไม่แกว่งไกววิสูตรใส่สองข้างเป็นช้างทรง
แล้วผ่อนเกณฑ์กองช้างไว้กลางทุ่งเวลารุ่งจะเสด็จขึ้นไพรระหง
ที่สี่เวรเกณฑ์กันไว้ล้อมวงพระจอมพงศ์อิศยมบรรทมพลันฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น