๏ นิราศร้างห่างเหเสน่หา
| |
ปางอิเหนาเศร้าสุดถึงบุษบา
|
พระพายพาพัดน้องเที่ยวล่องลอย
|
ตะลึงเหลียวเปลี่ยวเปล่าให้เหงาหงิม
|
สุชลปริ่มเปี่ยมเหยาะเผาะเผาะผอย
|
โอ้เย็นค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย
|
น้องจะลอยลมบนไปหนใด
|
หรือเทวัญชั้นฟ้ามาพาน้อง
|
ไปไว้ห้องช่องสวรรค์ที่ชั้นไหน
|
แม้นน้องน้อยลอยถึงชั้นตรึงส์ตรัย
|
สหัสนัยน์จะช่วยรับประคับประคอง
|
หรือไปปะพระอาทิตย์พิศวาส
|
ไปร่วมอาสน์เวชยันต์ผันผยอง
|
หรือเมขลาพาชวนนวลละออง
|
เที่ยวลอยล่องเลียบฟ้าชมสาคร
|
หรือไปริมหิมพานต์ชานไกรลาส
|
บริเวณเมรุมาศราชสิงขร
|
โอ้ลมแดงแสงแดดจะแผดส่อง
|
จะมัวหมองมิ่งขวัญจะหวั่นไหว
|
จะดั้นหมอกออกเมฆวิเวกใจ
|
นี่เวรใดเด็ดสวาทให้คลาดคลาฯ
|
|
|
๏ พระผันแปรแลรอบขอบทวีป
|
เห็นแต่กลีบเมฆเคลื่อนเกลื่อนเวหา
|
จะแลดูสุริยนก็สนธยา
|
จะดูฟ้าฟ้าคล้ำให้รำจวน
|
ฝืนวิโยคโศกเศร้าเข้าในห้อง
|
เห็นแท่นทองที่ประทมภิรมย์สงวน
|
ไม่เห็นนุชสุดจะทรงพระองค์ซวน
|
ละห้อยหวนหิวโหยด้วยโรยแรง
|
ยลยี่ภู่ปูเปล่าเศร้าสลด
|
ระทวยทดทอดทบซบกันแสง
|
โอ้สุดแสนแค้นอารมณ์ด้วยลมแดง
|
ดูเหมือนแกล้งพัดไปให้ไกลทรวง
|
เสียดายเอ๋ยเคยแอบแนบสนิท
|
ถึงชีวิตวอดวายไม่หายห่วง
|
โอ้น้องนุชบุษบาสุดาดวง
|
พี่เปล่าทรวงทรวงดังจะพังโทรมฯ
|
|
|
๏ โอ้โพล้เพล้เวลาปานฉะนี้
|
เคยเข้าที่พี่เคยได้เชยโฉม
|
เห็นแต่ห้องน้องน้อยลอยโพยม
|
ยามประโลมมิรู้ลืมเจ้าปลื้มใจ
|
โอ้เขนยเคยหนุนยังอุ่นอ่อน
|
แต่น้องน้อยลอยร่อนไปนอนไหน
|
ยี่ภู่เอ๋ยเคยชิดสนิทใน
|
วันนี้ไกลกลอยสวาทอนาถนอน
|
โอ้รินรินกลิ่นนวลยังหวนหอม
|
เคยถนอมแนบทรวงดวงสมร
|
ยังรื่นรื่นชื่นใจอาลัยวอน
|
สะอื้นอ้อนอ่อนอารมณ์ระทมทวี
|
จนฆ้องค่ำย่ำหึ่งหึ่งกระหึม
|
ยิ่งเศร้าซึมโศกาถึงยาหยี
|
โอ้ยามอยู่คูหาเวลานี้
|
เคยพาทีทอดประทับไว้กับทรวงฯ
|
|
|
๏ โอ้อกเอ๋ยเคยอุ่นละมุนละม่อม
|
เคยโอบอ้อมอ่อนตามไม่ห้ามหวง
|
ยังเคลิ้มเคล้นเช่นปทุมกระพุ่มพวง
|
เคยแนบทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย
|
จนเคลิ้มองค์หลงเชยเขนยหนุน
|
ถนอมอุ่นแอบประโลมว่าโฉมฉาย
|
ครั้นรู้สึกดึกดื่นสะอื้นอาย
|
แสนเสียดายสุดจะดิ้นสิ้นชีวัน
|
เห็นสิ่งของน้องนุชยิ่งสุดเศร้า
|
พระทัยเฝ้าเคลิ้มไคล้ดังใฝ่ฝัน
|
ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งจาบัลย์
|
สุดจะกลั้นรีบออกนอกบรรพตฯ
|
|
|
๏ พินิจจันทร์วันเพ็งขึ้นเปล่งแสง
|
กระจ่างแจ้งแจ่มวงทั้งทรงกลด
|
สี่พี่เลี้ยงเคียงพร้อมน้อมประณต
|
พระเลี้ยวลดแลแสวงดูแสงเดือน
|
ดูเก๋งก่อต่อเตาเห็นเงาคล้าย
|
เขม้นหมายมุ่งไปก็ไม่เหมือน
|
เห็นเงาไม้ไหวหวั่นให้ฟั่นเฟือน
|
จนเดือนเคลื่อนคล้อยฟ้าให้อาวรณ์
|
เห็นสระศรีที่เคยมาประพาส
|
ระดะดาษดอกดวงบัวหลวงสลอน
|
ลมรำเพยเชยชายกระจายจร
|
หอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นโรยฯ
|
|
|
๏ โอ้รินรินกลิ่นบุหงาสะตาหมัน
|
เหมือนกลิ่นจันทน์เจือนวลให้หวนโหย
|
หอมยี่หุบสุกรมดอกยมโดย
|
พระพายโชยเฉื่อยชื่นยืนตะลึง
|
โอ้ที่นี่ศีลาเคยมานั่ง
|
เห็นบัลลังก์แล้วยิ่งนึกรำลึกถึง
|
ดูเงื้อมเขาเงาไม้พระไทรซึ้ง
|
เสียงหึ่งหึ่งผึ้งรวงเฝ้าหวงรัง
|
จังหรีดหริ่งกิ่งไทรเรไรร้อง
|
แว่วว่าน้องนึกเสียวพระเหลียวหลัง
|
เห็นน้ำพุดุดั้นตรงบัลลังก์
|
เคยมานั่งสรงชลที่บนเตียง
|
เจ้าสรงด้วยช่วยพี่สีขนอง
|
แต่น้ำต้องถูกนิดก็หวีดเสียง
|
โอ้รื่นรื่นชื่นเชยที่เคยเคียง
|
พระทรวงเพียงเผ่าร้อนถอนฤทัย
|
ทุกเงื้อมเขาเหงาเงียบเซียบสงัด
|
ใบไม้กวัดแกว่งกิ่งประวิงไหว
|
ยะเยือกเย็นเส้นหญ้าพนาลัย
|
ยิ่งเยือกในทรวงช้ำระยำเย็น
|
เที่ยวรอบสระปทุมาสะตาหมัน
|
เคยเห็นขวัญเนตรที่ไหนก็ไม่เห็น
|
ชลนัยน์ไหลซกตกกระเซ็น
|
ยิ่งเยือกเย็นหยุดยืนกลืนน้ำตา
|
จนดึกดื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบ
|
ตะลึงเหลียวเสียวซาบอาบนาสา
|
เหมือนปรางทองน้องนุชบุษบา
|
หรือกลับมายืนแฝงอยู่แห่งใด
|
เที่ยวดูดาวเปล่าเปลี่ยวเสียวสะดุ้ง
|
จนจวนรุ่งรางรางสว่างไสว
|
หนาวน้ำค้างพร่างพรมพนมไพร
|
ดวงดอกไม้บานแบ่งรับแสงทอง
|
หอมมณฑาสารภีดอกยี่หุบ
|
บ้างร่วงหรุบถูกอุระพระขนอง
|
ภุมรินบินว่อนมาร่อนร้อง
|
อาบละอองเกสรขจรจายฯ
|
|
|
๏ จนแจ่มแจ้งแสงสว่างนภางค์พื้น
|
ถอนสะอื้นอาลัยพระทัยหาย
|
ดูเวหาว่าแสนแค้นพระพาย
|
ไม่พาสายสวาทคืนมาชื่นใจ
|
จำจะตามทรามชมทางลมพัด
|
เผื่อจะพลัดตกลงที่ตรงไหน
|
ดำริพลางทางสะท้อนถอนฤทัย
|
ให้เตรียมพลสกลไกรจะไคลคลา
|
จึงแปลงนามตามกันเป็นปันจุเหร็จ
|
จะเที่ยวเตร็ดเตร่ในไพรพฤกษา
|
พลางอุ้มองค์ยาหยีวิยะดา
|
ขึ้นรถแก้วแววฟ้าแล้วพาไปฯ
|
|
|
๏ พระเหลียวดูภูผาสะตาหมัน
|
ที่สำคัญคูหาเคยอาศัย
|
จะแลลับนับปีแต่นี้ไป
|
จะมิได้มาเห็นเหมือนเช่นเคย
|
เสียแรงแต่งแปลงสร้างจะร้างเริด
|
ค่อยอยู่เถิดแผ่นผาคูหาเอ๋ย
|
โอ้มิ่งไม้ไพรพนมเคยชมเชย
|
จะแลเลยลับแล้วทุกแนวเนินฯ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น